ขั้นตอนการดูแลแบตเตอรี่ด้วยตนเอง แบบง่ายๆ
สำหรับผู้ที่ใช้ สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต รวมไปถึง โน้ตบุ๊ค และกล้องดิจิตอล ปัญหาหนึ่งที่มักจะพบเจอคล้ายๆ กับ นั่นก็คือ แบตเตอรี่หมดเร็ว และไม่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน ซึ่งในปัจจุบัน อุปกรณ์เหล่านี้จะหันมาใช้ แบตเตอรี่ชนิด Lithium-ion (Li-ion) เป็นมาตรฐานเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากแบตเตอรี่ชนิดนี้ สามารถจุพลังงานได้มาก อีกทั้งยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และพบปัญหาน้อยกว่าแบตเตอรี่รุ่นเก่าๆ และที่สำคัญก็คือ แบตเตอรี่ชนิด Lithium-ion (Li-ion) ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม แต่การใช้แบตเตอรี่ที่ไม่ถูกวิธี ก็ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ถ้าหากเราถนอมใช้งานแบตเตอรี่ ก็ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ อยู่ได้ยาวนานขึ้น มาดูวิธีการดูแลแบตเตอรี่ด้วยตนเอง
มื่อได้โทรศัพท์มือถือมาใช้ครั้งแรก
สำหรับท่านที่เพิ่งซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้ครั้งแรก เคล็ดลับในการถนอมแบตเตอรี่ ก็คือ การชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม แล้วทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง เพราะแบตเตอรี่ชนิด Lithium-ion (Li-ion) นั้น ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ เหมือนกับโทรศัพท์มือถือที่ใช้แบตเตอรี่รุ่นเก่าอีกต่อไป นอกจากนี้ แบตเตอรี่จะใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากที่ชาร์จไปแล้ว 3-5 ครั้ง
วิธีการชาร์จ
การชาร์จแบตเตอรี่ชนิด Lithium-ion (Li-ion) ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่หมด หรือแบตเตอรี่อ่อนจนถึงแถบสีแดงแจ้งเตือน แม้ว่าแบตเตอรี่จะเหลืออยู่ถึง 60% แต่ก็สามารถทำการชาร์จได้เลยทันที และชาร์จได้บ่อยตามความต้องการของผู้ใช้
สมควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อใด
แบตเตอรี่ เมื่อมีการใช้ไปเป็นระยะเวลานานๆ เป็นเวลา 1-2 ปี ก็มีโอกาสที่จะเสื่อมสภาพได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ หรือ ชาร์จแบตเตอรี่มาจนเต็ม แต่ใช้งานได้เพียงครึ่งวัน หรือ แบตเตอรี่มีลักษณะที่บวมผิดปกติ ซึ่งถ้าหากเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ถือเป็นสัญญาณบอกว่า สมควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้วนั่นเอง
ข้อควรระวังเกี่ยวกับแบตเตอรี่
วิธีการถนอมแบตเตอรี่แบบง่ายๆ ก็คือ ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงจนเครื่องดับไปเอง ซึ่งถ้าหากปล่อยให้แบตเตอรี่ประเภท Lithium-ion (Li-ion) หมดเป็นเวลานานๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อม หรือเสีย และไม่สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีก นอกจากนี้ ควรเก็บแบตเตอรี่ไว้ในที่เย็น เนื่องจากอากาศที่ร้อน จะเป็นหนทางที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากในเรื่องของการชาร์จแบตเตอรี่ ที่จะช่วยถนอมอายุแบตเตอรี่ ให้อยู่ได้ยาวนานขึ้นแล้ว พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เอง ก็มีส่วนช่วยได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น
- ติดตั้งโปรแกรม Task manager เพื่อลบแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้งาน เป็นการช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่ง
- ยกเลิก Widget ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
- ปิดการใช้งาน GPS, Wireless Network, Bluetooth หรือเครือข่าย 3G เมื่อไม่ได้ใช้งาน
- การเลิกใช้ Live Wallpaper จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่ง
- เพื่อช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน การลดความสว่างของหน้าจอแสดงผลลง เป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้ทางหนึ่ง แต่ไม่ควรลดความสว่างจนทำร้ายสายตาตัวเอง
- ตั้งเวลาให้หน้าจอดับเร็วขึ้น
- ปิดระบบสั่น แล้วหันมาใช้เสียงเรียกเข้าแทน
- ปิดเครื่อง หรือเปิด Airplane Mode เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน เช่น ตอนนอน เป็นต้น
- ยกเลิก Widget ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
- ปิดการใช้งาน GPS, Wireless Network, Bluetooth หรือเครือข่าย 3G เมื่อไม่ได้ใช้งาน
- การเลิกใช้ Live Wallpaper จะเป็นการช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่ง
- เพื่อช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน การลดความสว่างของหน้าจอแสดงผลลง เป็นการช่วยประหยัดพลังงานได้ทางหนึ่ง แต่ไม่ควรลดความสว่างจนทำร้ายสายตาตัวเอง
- ตั้งเวลาให้หน้าจอดับเร็วขึ้น
- ปิดระบบสั่น แล้วหันมาใช้เสียงเรียกเข้าแทน
- ปิดเครื่อง หรือเปิด Airplane Mode เมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน เช่น ตอนนอน เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น